ขอความช่วยเหลือหน่อยครับ

วชิรพล

ลองเอาตัวนี้ไปเทียบดูก็ได้ครับ แต่...ตายแค่ ๓ ตัวเองเหรอ...

ภาพที่ ๑ ปกติ วางใจได้ ไม่มีตายด้วยพยาธิ สุขภาพโดยรวมดี ระวังอย่างเดียวท้องอืดตาย....เพราะกินมาก
ภาพที่ ๒ ก็ยัง OK อยู่น่ะ แต่ควรมีการจัดการด้านอาหารให้มีคุณภาพดีหน่อย และควรมีการพักแปลงหญ้าเพื่อกำจัดวงจรพยาธิถ้าทำได้น่ะครับ อีกอย่างถ้าแพะเลือดร้อยแพงๆ ก็หาหญ้าดีๆ ให้กิน แพะลูกผสมทั่วไป จอก จอก ... ฟาง
ภาพที ๓ ตัวที่ ๔ กำลังจะตามมา พึงระวังไว้ หรือถ้าว่างเตรียมขุดหลุมรอได้เลย ถ้าไม่อยากทั้ง ๒ อย่าง ถ่ายพยาธิ หาแร่ธาตุให้เลียยยยยย พร้อมฉีดธาตุเหล็ก ขังแพะไว้บนคอก ๒๔ ช.ม. และเก็บขี้ เอ้ย มูลไปเผา จากนั่นรอ รอ และก็รอมันดีขึ้น
ภาพที่ ๔ ถ่ายพยาธิ พร้อมกับขุดหลุมเตรียมไว้ ตอนฉีดยาให้แพะก็ทำใจไปด้วย ถ้าให้ดีปรึกษาสัตวแพทย์ในท้องที่ ( ถ้าหาตัวมันเจอน่ะ ) เพราะแพะอาจมีการดื้อยาหากใช้ยาถ่ายพยาธิตัวเดียวกันเป็นเวลานาน แต่ก็น่าเอาอยู่น่ะ
สู้ สู้ น่ะครับ

วชิรพล

อย่าเพิ่งท้อ น่ะ เธออย่าเพิ่งท้อ...ขอจงเลี้ยงต่อ (แพะ) อย่าได้สิ้นหวัง
คืออย่างนี้ครับ ยาถ่ายพยาธิที่ใช้ไม่ว่ายี่ห้อใหนก็ตามที่มีอยู่ในพิภพนี้ มันต้องใช้เวลาในการออกฤทธิ์ ใช่ว่าถ่ายปุ๊ปจะออกปั๊บในกรณีที่เป็นรุนแรงนอกจากการถ่ายพยาธิแล้วเรายังคงต้องบำรุงตัวแพะ ทั้งการฉีดธาตุเหล็ก ทั้งการฉีดวิตามิน หรืออื่นๆที่มี อย่าไปท้อครับ เอาเวลาตรงนั้นมาจัดการแพะที่เหลืออยู่ดีกว่า ถ่ายพยาธิซะ หรือถ้ามีพวกโปรตีนน้ำก็หามาให้แพะด้วยก็ดี แหม...ถ้าอยู่ใกล้ๆ จะเอาไปให้แล้วน่ะเนี่ย
(ถ้าถ่ายพยาธิแล้ว ไม่ขังแพะไว้ในคอก หรือเก็บกวาดมูลแพะไปทิ้ง หรือเผา เขาก็จะกลับมาอีก พร้อมร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถ้าถึงตอนนั้นไอโวแม็กก็เอาไม่อยู่)

วชิรพล

๑. ร้านอาหาร หรือบ้านคนรวยที่เลี้ยงหมา หรือไม่ก็บ้านพวกเลี้ยงวัวหูยาว
๒. ถูกต้องแล้วครับ
ปล. เรื่องสุขภาพไม่ต้องห่วงครับ ออกกำลังกายทุกวัน ตกเย็นมาก็มีการซ้อม (ดื่ม) บ้างนิดหน่อย
อีกอย่างน่ะครับบางครั้งก็ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ของกรมปศุสัตว์บ้าง จำนวนสัตว์ต่อการดูแล ๑ คนมันมากครับ ยิ่งในพื้นที่ใหญ่ๆ ยิ่งหาตัวอยากครับ ผมเองที่แต่ก่อนเคยเลี้ยงแพะก็ยังไม่เคยเจอหน้าท่านปศุสัตว์อำเภอเลย สัตวแพทย์ที่เป็นรุ่นพี่อยู่ในอำเภอนั้นก็ยังไม่เคยเจอเลย (โชคดีน่ะที่โลกใบนี้ได้ประทานอินเตอร์เนทมาให้ เจอปัญหาอะไรก็หามันในคอมฯ นั่นแหละครับ...)

วชิรพล

สับปะรด VS ข้าวโพด อันใหนดีกว่า

ตอบ...หญ้าแพงโกล่าดีกว่า เฮ้ย ข้าวโพดดีกว่าด้วยประการทั้งปวงครับ (สดน่ะ)
เปลือกสับปะรดหรือสับปะรดมันเปรี้ยว กรดก็เยอะ ในกระเพาะแท้ของแพะมันก็มีน้ำย่อยที่มีฤทธิ์เป็นกรดอยู่แล้ว กรดเจอกรดก็ไปกันใหญ่ นานไปนานไปก็เกิดปัญหากรดในกระเพาะ ยืนซึม ยืนเกร็ง อาหารก็ไม่ย่อย สักพักก็ท้องอืด...ตาย ขุดหลุมอีกแหละ น่าเบื่อ เช่นเดียวกันกับข้าวโพดถ้าทิ้งไว้นานๆ ความเป็นกรดก็จะสูงขึ้นกลายเป็นข้าวโพดหมัก
แต่ถ้ามีความจำเป็นจริงๆ หาอย่างอื่นให้เค้าเสวยไม่ได้ แนะนำน่ะว่า ควรหาฟางไว้ให้เค้ากินตลอดเวลา ทำไมหรือ
ฟางจะเป็นตัวกระตุ้นให้แพะหลั่งน้ำลายออกมา แล้วไอ้น้ำลายเนี่ยนอกเหนือจากช่วยในการหล่อลื่นเวลาเจลหมดแล้ว มันยังช่วยปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างในกระเพาะอาหารแพะให้มีสภาพเป็นกลางได้
หรือไม่ก็โรยปูนขาวใส่เปลือกสับบปะรด หรืออาหารหมักก็พอช่วยลดความเป็นกรดในอาหารแพะได้เช่นกันครับ ส่วนใช้เท่าไหร่ไม่บอก ... ยกเว้น ๒๘๕ หนึ่งขวด (โซดา น้ำแข็งไม่ต้อง เดี๋ยวซื้อเอง)   

วชิรพล

คัดลอกมาจากเวปกรมปศุสัตว์น่ะครับ
            

วชิรพล

ข้อมูลการใช้เปลือกสับปะรดเป็นอาหารเลี้ยงโค - กระบือ ( คัดลอกมาจากเวปกรมปศุสัตว์น่ะครับ )

     เปลือกสับปะรดสดมีน้ำตาล และน้ำมากแต่โปรตีนต่ำมีรสเปรี้ยวเพราะมีกรดสูงไม่ควรนำมาเลี้ยงสัตว์ทันที  ให้กองทิ้งไว้ 1 -2 วันจะเกิดการหมักรสเปรี้ยวจะลดลงและมีกลิ่นหอมของแอลกฮอล์เล็กน้อยซึ่งโคจะชอบกินมาก  ปกติเกษตรกรจะกองเปลือกสับปะรดไว้บนพื้นดินใกล้คอกสัตว์  ควรใช้ฟางข้าวรองพื้น  เพื่อให้ดูดซบน้ำที่ไหลออกมาจากเปลือกสับปะรด  เป็นการปรับปรุงคุณภาพของฟางข้าวไปในตัวด้วย  ฟางที่ได้จะมีลักษณะยุ่ยและโคชอบกินเช่นเดียวกัน  การนำเปลือกสับปะรดมาเลี้ยงสัตว์  สำหรับสัตว์ที่ยังไม่เคยกินต้องเริ่มให้กินทีละน้อย  และเพิ่มขึ้นจนใช้แทนหญ้าได้ทั้งหมด  ถ้าให้โคกินเปลือกสับปะรดติดต่อกันนาน ๆ ในปริมาณมากควรโรยปูนขาวบาง ๆ บนเปลือกสับปะรดในรางอาหารหรือใส่ปูนขาวในอาหารข้นประมาณ 2% ของอาหารข้น เพื่อช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะควรให้อาหารข้นสลับกับการให้เปลือกสับปะรด  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยอาหารของโค โคนมที่กินเปลือกสับปะรดมากเป็นเวลานาน ๆ ไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อคุณภาพของน้ำนมแต่อาจทำให้น้ำนมมีกลิ่นของเปลือกสับปะรดได้  และควรมีน้ำให้โคกินตลอดเวลา
จบข่าว...แต่เจ้าของกระทู้ติดหนี้ผมอยู่น่ะ

วชิรพล

ไม่จบ...ไม่จบ ยังมีต่อท้ายอีกน่ะ
ข้าวโพดหมักก็ยังไม่ดีกับแพะหรือค่ะ...
ดีครับ ยังดีกับแพะอยู่ ก็แบบว่า...ยังไม่เคยเห็นเค้าทะเลาะกันนะ แพะอยากกินเค้าๆ ก็ยังให้กิน ไม่เห็นหนีออกจากรางอาหารซักกะที
ฉันใดก็ฉันนั้นครับ ทุกๆ อย่างถ้าให้น้อยไปก็ไม่พอ ให้มากไปก็เกิดโทษ เช่นกันกับที่ว่า ปลูกมะม่วงก็ต้องได้มะม่วง ปลูกขนุนก็ต้องได้ขนุน แต่ทำไมปลูกถั่วเขียว...แล้วมันได้ถั่วงอก ( เกี่ยวกันป่ะ )
เดิมทีการทำพืชอาหารสัตว์หมักนั้นมีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อถนอนพืชอาหารสัตว์เอาไว้ใช้ยามขาดแคลนเท่านั้น มิได้มีวัตถุประสงค์ไว้ใช้สำหรับเลี้ยงสัตว์ตลอดฤดูกาล แต่เมื่อสถานการณ์หรือรูปแบบการเลี้ยงปศุสัตว์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะฟาร์มที่มีพื้นที่น้อยทั้งพื้นที่ตนเองและพื้นที่สาธารณะ หรือเหตุผลอืนก็แล้วแต่ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องซื้ออาหารมากักตุนเอาไว้เพราะไม่สามารถหาอาหารหยาบสดมาให้สัตว์เลี้ยงของตนเองกินได้ตลอดทั้งฤดูกาล ผลกระทบจึงตามมาตกที่อยู่พ่อ - แม่พันธุ์สัตว์ในระยะยาว
สรุป...ก็คือ ไม่แนะนำให้ใช้อาหารหมักเลี้ยงสัตว์พ่อ-แม่พันธุ์ครับ ถ้ามีความจำเป็นจริงๆ ก็ไม่ควรใช้เกิน ๓ เดือน ยกเว้นในกรณีแพะขุน อยากใช้เท่าไหร่ใช้ไปเลยเต็มที่ เพราะเดี๋ยวเค้าก็ไปสู่สุขติ ไม่อยู่ให้เราแก้ไขปัญหาระบบทางเดินอาหารต่อไป
ปล.ที่ไม่ให้ใช้เกิน ๓ เดือน หรือพรรษานึงก็เนื่องมาจากอาหารที่เรามีการปรับเปลี่ยน หรือเปลี่ยนสูตรอาหารในสัตว์เครี้ยวเอื้องนั้น จะมีผลต่อสัตว์ต้องใช้ระยะเวลานานถึง ๓ เดือนจึงจะเห็นผล ก็ดูเอาอย่างมูลของเค้าก็แล้วกัน ไอ้ที่ถ่ายออกมาวันเนี่ยก็คืออาหารที่กินไปก่อนหน้านั้นเมื่อ ๒-๓ วันที่ผ่านมา