สมาคมผู้เลี้ยงแพะ-แกะแห่งประเทศไทย

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
แชร์หน้านี้ไปที่ไลน์หรือเฟสบุ๊คได้ทันที คลิ๊กที่ปุ่ม . Share
ดู: 2775|ตอบ: 6
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

แพะไข้น้ำนม [คัดลอกลิงก์]

Rank: 5Rank: 5Rank: 5

จังหวัด
สตูล
กระทู้
24
โพสต์
600
อยากรู้สาเหต การป้องกัน วิธีรักษา และจำนวนยาที่ไช้ ซซ ต่อ น้ำหนักตัว

Rank: 4Rank: 4

จังหวัด
เพชรบุรี
กระทู้
4
โพสต์
50
อยากรู้เหมือนกันครับ

Rank: 5Rank: 5Rank: 5

จังหวัด
สตูล
กระทู้
24
โพสต์
600
หากชุกหุก แพะคงตายหมดก่อน ถึงจีโร้วิธี ป้องกันและรักษา

Rank: 7Rank: 7Rank: 7

จังหวัด
นนทบุรี
กระทู้
13
โพสต์
417
          สาเหตุ ไม่ได้เกิดจากการขาดแคลเซียม แต่เกิดจากร่างกายไม่ยอมดึงแคลเซียมออกมาใช้ ทำมัยหล่ะ
ก็มันขี้เกียจไง...
ขอยกกรณีตัวอย่างในวัวนมน่ะจ๊ะ...พวกไข้น้ำนมในวัวนมมักจะเิกิดกับแม่โคที่เคยให้ลูกมาแล้วมากกว่า ๓ คอก
เลี้ยวได้รับการเลี้ยงดูปันเมียน้อยของเจ้าของฟาร์ม...ปรนเปรอทุกอย่าง อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค รถยนต์ บ้าน และ sex จากนั้นเจ้าหล่อนก็ขี้เกียจ อ้วน และก็ลงพุง แม่โคก็เช่นเดียวกัน ร่างกายไม่ยอมดึงเอาแคลเซียมออกมาใช้เพราะได้รับอาหารที่มีแคลเซียมผสมอยู่ บางตำราแนะนำให้ลดแคลเซียมลงก่อนคลอด ( อันนี้ผมก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน )
          อาการ เริ่มแรกจะตื่นตกใจง่า่ย เหมือนพวกสันหลังหวะ... กล้ามเนื้อสั่น ขาเดินเกะกะ ตามด้วยอาการโซซัดโซเซเหมือนคนเมาเหล้าขาว...หายใจถี่ ตาเหม่อลอยดุจสาวๆ อกหัก ในที่สุดก็จะนอนลง และตายยยยยย...
สังเกตุดู...จับที่ใบหูจะเย็น เน้นว่าใบหูน่ะ
          การรักษา จะทำได้ดีก็ต่อเมื่อทำตอนที่เค้ายังไม่ล้ม
          ๑. ฉีดแคลเซียมโบโรกลูโคเนต เข้าใต้ผิวหนัง ๗๕ - ๑๐๐ ซี.ซี. แบ่งฉีดน่ะจ๊ะที่รัก ซัก ๕ จุด (พรุนแน่มึง...)
          ๒. อาจฉีดด้วยแคลเซียมกลูโคเนตก็ได้ เพราะมันถูกกว่า แล้วก็เสือกให้ผลในการรักษาเหมือนกัน
          ๓. การฉีดเข้าเส้นจะให้ผลการรักษาเร็วกว่า...แต่ถ้ามือใหม่...อย่าเสี่ยง เดี๋ยวเดินยาเร็วเค้าจะช็อคคคค...ฉิบหายเลยทีนี้
  

Rank: 5Rank: 5Rank: 5

จังหวัด
สตูล
กระทู้
24
โพสต์
600
5#
โพสต์เมื่อ 30-7-2014 17:53:00 |แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
อาว เป็นงั้นไป

Rank: 7Rank: 7Rank: 7

จังหวัด
นนทบุรี
กระทู้
13
โพสต์
417
6#
โพสต์เมื่อ 31-7-2014 13:07:45 |แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
          แต่เคยเห็นบางตำราเคยเขียนเอาไว้เหมือนกันว่า เกิดจากการที่แม่แพะให้ลูกมาก และอาหารที่ให้ก็มีปริมาณแคลเซียมไม่เพียงพอต่อความต้องการของแม่แพะ ไหนจะเอาไปสร้างลูก สร้างน้ำนม สุดท้ายกลายเป็นโรคไข้น้ำนม
          สรุป...แน่ใจเหรอว่าที่แม่แพะล้มเป็นโรคไข้น้ำนม เป็นคีโตซีสหรือเปล่า เพราะไอ้ ๒ โรคนี้มันมักจะมาพร้อมกัน และมีอาการคล้าย ๆ กัน แต่แตกต่างกันที่ คีโตซีส แม่แพะมักล้มก่อนคลอด ส่วนไข้น้ำนมแม่แพะมักจะล้มหลังคลอด
          ถ้าฉีดแคลเซียมฯ แล้วไม่หาย ลองโพรพิลลีนไกลคอล กรอกให้กินซัก ๑๒๐ กรัม ประมาณ ๔ วัน ( ถ้ามันไม่ตายซ่ะก่อนน่ะ ) แล้วฉีดคอร์ติโซน ๘ ซี.ซี. จะช่วยให้การรักษาดีขึ้น ในส่วนของภูมิปัญญาชาวบ้านถ้าฉีดแคลเซียมแล้วไม่หาย เค้าให้กินกากน้ำตาลผสมน้ำ...ประมาณนั้นครับ

Rank: 5Rank: 5Rank: 5

จังหวัด
สตูล
กระทู้
24
โพสต์
600
7#
โพสต์เมื่อ 31-7-2014 18:04:16 |แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
อาการเป็นงี้คับ เกิดจากแม่แพะที่กำลังรีดนม หลังจากอย่านมลูกแล้ว เหตการจริงตอนเจอ แม่แพะนอนลุกเดินไม่ได้ และท้องอืด มีน้ำลายฟูมปาก ตอนนั้นคิดว่าแค่ท้องอืด จัดน้ำมันพืชกลอก อาการท้องอืดก็หายแพะลุกเดินได้ แต่มีสิ่งที่ผิดไปคือ คอแพะเลียงด้านซ้ายและยังมีน้ำลายฟูมปาก ห่างกันแค่สองชัวโมง อาการท้องอืดหนักกว่าเก่า อาการแบบนี้ไช่โรค ไข้น้ำนมป่าวคับ

แสดงความคิดเห็น

วชิรพล  อาการที่พี่เขียนมาตรงตามตำราทุกข้อ ยกเว้น น้ำลายฟูมปากครับ  โพสต์เมื่อ 1-8-2014 08:58:26
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

สมาคมผู้เลี้ยงแพะ-แกะแห่งประเทศไทย

GMT+7, 25-4-2024 17:39

Powered by Discuz! X2

© 2001-2011 Comsenz Inc.

ขึ้นไปด้านบน