น้ำเชื้อแพะหนัก 275-280 กก.

บ้านภูแสงดาวฟาร์ม

ขออนุญาติ ออกความเห็นนะครับ
อัตราแลกเนื้อ ( โดยน้ำหนักตัวสัตว์ ต่อ ระยะเวลาเลี้ยง ) กับ จุดคุ้มทุน
(รายรับ)
สมมติ ลูกแพะขุนจากคอกเราเลี้ยง 6 เดือน ขาย ตก 30 โลๆละ 130 บาท เป็นเงิน 3,900 บาท
ถ้าเลี้ยงแบบไล่ทุ่งปล่อยกินอาหารเอง ไม่จ่ายค่าอะไรเลย มีรายได้ เท่ากับ 650 บาท ต่อ เดือน ต่อ ตัว
(รายจ่าย)
แต่อย่าลืม เราต้องดูแล แม่มันอีก 3 เดือน ก่อนมันหย่านม
1.ให้อาหารเม็ด อีก 500 กรัม ต่อวัน เท่ากับ 15 กิโล ต่อเดือน เป็นเงิน 140 บาท ต่อเดือน
2.ค่ายา (แรกเกิด อ๊อกซี่,อม๊อกซี่,ธาตุเหล็ก ถ่ายพยาธิฉีดและกิน ไอเวอร์แมก,เลวา และ ฯลฯ) เป็นเงิน 100 บาท
รวมจ่าย 240 บาท
สรุป แล้ว เหลือรายได้ 410 บาท ต่อเดือน
อยากมีรายได้ 12,300 บาท ต่อเดือน ต้องเลี้ยงลูกแพะขุน 30 ตัว แม่แพะอีก 30 ตัว พ่อแพะอีก 2 ตัว
ยังไม่คิดค่าเสื่อมโรงเรือน ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ค่าอาหารเสริมโปรตีน ค่าวัคซีน ค่าอุปกรณ์เวชภัณฑ์ ค่าแร่ธาตุ และที่สำคัญต้องดูแลแม่พันธ์ในระหว่างตั้งท้องอีก 5 เดือน
ที่ผมพูดมาคือต้องการเตือน ใครที่เลี้ยงแบบขังคอก ไม่มีแหล่งอาหาร(แปลงหญ้า) ต้องขับรถออกไปหาอาหาร (รายจ่ายเพิ่ม ค่าเสื่อมรถ ค่าน้ำมัน ฯลฯ)

บ้านภูแสงดาวฟาร์ม

ผมคิดเหมือนท่านนายกครับ
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อรายได้ของเรา คือ
1.พันธุกรรมสัตว์
2.ระยะเวลาการเลี้ยง
3.อาหาร
4.วิธีการดูแล
5.ตลาดรับซื้อ
สมมติ อีกเช่นกัน
- แม่พันธ์ ใช้ระยะเวลาตั้งท้องน้อย
- อัตราการเติบโตเร็ว เช่น อายุ 5 เดือน น้ำหนัก 40โล
- เสียค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารน้อยสุด เกือบจะไม่จ่ายเลย
- แพะ สุขภาพดี แข็งแรง ไม่เจ็บป่วย อัตราเสี่ยงโรคพยาธิแทบไม่มี
- ตลาดรับซื้อ ที่เชื่อถือได้ไม่เอาเปรียบ
ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ผมว่าอาชีพนี้จัดว่าน่าสนใจอย่างมาก
ต้องขออภัยถ้ามีความผิดพลาด เนื่องจากประสพการเลี้ยงของผมยังน้อยเลี้ยงไม่ถึงปีเลย ที่ขออนุญาติออกความเห็นเพราะว่าเป็นมุมมองของผม แต่ถ้าใครมีความเห็นที่ต่างออกไป ช่วยแสดงออกด้วยนะครับ จะได้เป็นแนวทางในการพัฒนาอาชีพนี้ให้ก้าวหน้าต่อไป