โครงการจัดทำเขตปลอดโรคของภาคตะวันออก ปี2555 งบประมาณ 30 ล้านบาท
โครงการจัดทำเขตปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย
ในภาคตะวันออกของประเทศไทย
๑. หลักการและเหตุผล
ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีศักยภาพในการส่งออกผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ค่อนข้างสูง ทั้งนี้เป็นผลมาจากความสามารถในการพัฒนาด้านการผลิตปศุสัตว์และรูปแบบอาหารต่างๆ รวมทั้งความสามารถด้านการตลาดของภาคเอกชนผู้ผลิตอาหารเพื่อการส่งออก และภาครัฐบาลที่เกี่ยวข้อง ทำให้หลายประเทศยอมรับสินค้าปศุสัตว์และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์จากประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตามข้อจำกัดในการส่งออกอันเนื่องมาจากภาวการณ์แข่งขันในตลาดโลกทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะปัญหาเรื่องโรคปากและเท้าเปื่อยเป็นข้อกำหนด ที่สำคัญในการกีดกันการนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ของต่างประเทศ
การกำจัดโรคปากและเท้าเปื่อยให้หมดไปจากประเทศไทย จำเป็นต้องใช้กำลังคน และงบประมาณจำนวนมาก อีกทั้งต้องอาศัยระยะเวลาดำเนินการนานปี ต่างกับการกำหนดเขตปลอดโรคระบาดชนิดโรคปากและเท้าเปื่อยเป็นบางส่วนของประเทศ เป็นแนวทางหนึ่งซึ่งมีความเป็นไปได้สูง และใช้ระยะเวลาสั้นกว่าการกำจัดโรคนี้ทั้งประเทศ ดังนั้น หากพื้นที่เขตปศุสัตว์ที่มีการผลิตสัตว์ได้มากและปลอดต่อโรคปากและเท้าเปื่อยแล้ว จะเป็นหนทางสำคัญ ซึ่งช่วยให้ประเทศไทยสามารถขยายตัว ในด้านการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ได้
ปัจจุบันภาคตะวันออกของประเทศไทยมีผลผลิตปศุสัตว์เพียงพอสำหรับการบริโภคและเหลือส่งไปจำหน่ายยังนอกพื้นที่เขตโดยเฉพาะสุกร ประกอบกับเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อยน้อย จึงมีความเหมาะสมที่จะจัดตั้งให้ภาคตะวันออกเป็นเขตปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย ซึ่งผ่านการรับรองโดยองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ
๒. วัตถุประสงค์
๒.๑. เพื่อกำจัดโรคปากและเท้าเปื่อยในภาคตะวันออกของประเทศไทยให้หมดไป
๒.๒. เพื่อให้องค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ หรือ OIE (Office International des Epizooties) รับรองสถานภาพปลอดโรคปากและเท้าเปื่อยในภาคตะวันออกให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
๒.๓. เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตปศุสัตว์ และผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์เพื่อการส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
๓. พื้นที่ดำเนินการ
จังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ปราจีนบุรี จันทบุรี สระแก้ว และตราด
๔. เป้าหมาย และระยะเวลา
ดำเนินการปี ๒๕๕๒ – ๒๕๕๖ รวม ๕ ปี
๔.๑ ดำเนินการควบคุม ป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อยอย่างเข้มงวด
๔.๒ ไม่มีสัตว์แสดงอาการของโรคปากและเท้าเปื่อย ตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ เป็นต้นไป
๔.๓ ในปี ๒๕๕๔ เป็นต้นไปมีหลักฐานแสดงว่าไม่พบเชื้อโรคปากและเท้าเปื่อยจากการสุ่มตรวจซีรั่มสัตว์ในพื้นที่
๔.๔ ในปี ๒๕๕๕ ขอรับการประเมินจาก OIE เพื่อรับรองสถานภาพปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย โดยการฉีดวัคซีน
๔.๕ ในปี ๒๕๕๖ ได้รับการรับรองสถานภาพปลอดโรคปากและเท้าเปื่อยโดยการฉีดวัคซีนจาก OIE
๕. วิธีดำเนินงาน
๕.๑ การบริหารจัดการโครงการ
(๑) จัดตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการในแต่ละระดับ
- ระดับกรม
- อธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธาน
- ผู้อำนวยการสำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ เป็นเลขานุการ
- หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นกรรมการ
- ระดับเขต
- ผู้อำนวยการสำนักสุขศาสตร์สัตว์และสุขอนามัยที่ ๒ เป็นประธาน
- ผู้อำนวยการส่วนป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ สำนักสุขศาสตร์สัตว์และสุขอนามัยที่ ๒ เป็นกรรมการ
- หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่เขตปศุสัตว์ที่ ๒ เป็นกรรมการ
- ระดับจังหวัด
- ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน
- ปศุสัตว์จังหวัด เป็นเลขานุการ
- หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัด เป็นกรรมการ
(๒) จัดตั้งคณะทำงานบริหารโครงการ
(๓) จัดหาและจัดสรรทรัพยากรให้เพียงพอในการดำเนินงานโครงการ
(๔) การพัฒนาบุคลากร / ผู้ประกอบการค้า / เกษตรกร
- ฝึกอบรม / สัมมนา
- ศึกษาดูงาน
(๕) การนิเทศและติดตามผลการปฏิบัติงาน
- เจ้าหน้าที่
- ติดตามและตรวจสอบผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามระเบียบคำสั่งที่เกี่ยวข้อง
- ตรวจสอบข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่บกพร่องและลงโทษทางวินัย
- ผู้ประกอบการ / เกษตรกร
- นิเทศและติดตามการประกอบการให้เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์ วิธีการที่กฎหมายกำหนด
- ดำเนินคดีหากพบการกระทำผิด
(๖) บูรณาการอัตรากำลัง
- หน่วยงานภายในกรม
- หน่วยงานภายนอกกรม เช่น มหาวิทยาลัย
- ภาคเอกชน
๕.๒ การกำหนดขอบเขตพื้นที่
(๑) เขตควบคุมโรค (Control Zone) เพื่อเตรียมเป็นเขตปลอดโรค (Free Zone)
- เป็นพื้นที่ชั้นในของภาคตะวันออก ประกอบด้วย ส่วนหนึ่งของจังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนหนึ่งของจังหวัดปราจีนบุรี ส่วนหนึ่งของจังหวัดสระแก้ว ส่วนหนึ่งของจังหวัดจันทบุรี จังหวัดระยองทั้งจังหวัด และจังหวัดชลบุรีทั้งจังหวัด
(๒) เขตกันชน (Buffer Zone) ที่แบ่งกั้นระหว่างเขตควบคุมและเขตพื้นที่นอกเขตปลอดโรค
- ทิศเหนือกำหนดให้เทือกเขาใหญ่เป็นเขตกันชน โดยมีทางหลวงหมายเลข ๓๓ เป็นแนวแบ่งแยก
- ทิศตะวันตกกำหนดให้แม่น้ำบางปะกงเป็นแนวแบ่งแยก
- ทิศตะวันออกกำหนดให้ทางหลวงหมายเลข ๓๑๗ และหมายเลข ๓ เป็นแนวแบ่งแยก
- ทิศใต้กำหนดให้อ่าวไทยเป็นเขตกันชน
๕.๓ การจัดทำเครื่องหมายและขึ้นทะเบียนสัตว์และกำหนดพิกัดสถานที่ที่เกี่ยวข้อง
(๑) โค กระบือ แพะ แกะ ทุกตัวต้องทำเครื่องหมายและขึ้นทะเบียนตามระบบที่กรมปศุสัตว์กำหนด
(๒) สุกรพ่อแม่พันธุ์ทุกตัวต้องทำเครื่องหมายและขึ้นทะเบียนตามระบบที่กรมปศุสัตว์กำหนด
(๓) ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในการเก็บข้อมูลประวัติสัตว์ที่ขึ้นทะเบียนและค้นหาข้อมูลในระบบ Real Time on Web
(๔) การกำหนดพิกัดที่ตั้ง สถานที่ต่างๆ ในระบบ Geographic Information System (GIS) เช่น สถานที่เลี้ยงสัตว์กีบคู่ทุกชนิด โรงฆ่าสัตว์กีบคู่ ตลาดนัดค้าสัตว์กีบคู่ ด่านกักกันสัตว์ จุดตรวจสัตว์ ฯลฯ
๕.๔ การเฝ้าระวังโรค
(๑) การเฝ้าระวังเชิงรุก (Active Surveillance)
- ทางอาการ
- สร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรเห็นความสำคัญในการแจ้งการเกิดโรคให้เร็วที่สุด
- จัดระบบให้เจ้าหน้าที่ออกปฏิบัติงานตรวจเยี่ยมเฝ้าระวังโรคเป็นประจำ
- สร้างเครือข่ายการเฝ้าระวังโรคในพื้นที่
- ทางห้องปฏิบัติการ
- สุ่มตรวจทางซีรั่มวิทยาเพื่อค้นหาโรคจากหลักฐานแสดงการติดเชื้อโรคปากและเท้าเปื่อย และตรวจสอบระดับภูมิคุ้มกันโรคในตัวสัตว์
- จัดทำธนาคารซีรั่ม (Serum Bank)
(๒) การเฝ้าระวังเชิงรับ (Passive Surveillance)
- ทางอาการ
- จัดตั้งศูนย์รับแจ้งโรคระบาดประจำตำบล
- จัดระบบ Call Center รับแจ้งโรคระบาด
- ทางห้องปฏิบัติการ
- ตรวจแยกชนิดเชื้อไวรัสตามมาตรฐานสากล
- การเฝ้าระวังทางพันธุกรรมของเชื้อโรคปากและเท้าเปื่อย (Molecular Epidemiology)
- ระบบรายงานสม่ำเสมอ
(๓) จัดตั้งห้องปฏิบัติการตรวจวินิจฉัยโรคปากและเท้าเปื่อยอย่างรวดเร็วที่ด่านกักกันสัตว์ตามแนวเขตรอบนอกของเขตกันชน
๕.๕ การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคปากและเท้าเปื่อยโดยการฉีดวัคซีน
(๑) การสร้างภูมิคุ้มกันให้โค กระบือ แพะ แกะ
- ฝึกอบรมให้เจ้าของสัตว์สามารถฉีดวัคซีนได้เอง
- กำหนดช่วงเวลารณรงค์ฉีดวัคซีนปีละ ๒ ครั้ง คือ มิถุนายน และ ธันวาคม
- จัดระบบการตรวจสอบให้สัตว์ได้รับการฉีดวัคซีนจริง โดยใช้ทั้งกฎหมายและส่งเสริมระบบการซื้อขายสัตว์ที่ฉีดวัคซีนแล้ว
(๒) การสร้างภูมิคุ้มกันให้สุกร
- กรมปศุสัตว์จัดเตรียมวัคซีนจำหน่ายให้เพียงพอ
- จัดระบบให้สมาคมหรือกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรตรวจสอบควบคุมให้มีการฉีดวัคซีนอย่างเคร่งครัด
(๓) สนับสนุนช่วยเหลือประเทศกัมพูชาผ่านองค์กรระหว่างประทศในการป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อยให้กับสัตว์ตามแนวชายแดนติดต่อกับประเทศไทย
(๔) พัฒนาระบบการผลิตวัคซีนให้ได้มาตรฐานที่ OIกำหนด
๕.๖ การควบคุมเคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์
(๑) การอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์เข้าในเขตกันชนหรือเขตควบคุมโรคต้องปฏิบัติตามระเบียบกรมปศุสัตว์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะประเด็น ดังนี้
- สัตว์กีบคู่
- มีประวัติได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อยตามกำหนด
- ตั้งแต่ ปี ๒๕๕๔เป็นต้นไป ต้องมีหลักฐานทางซีรั่มวิทยา ไม่พบการติดเชื้อโรคปากและเท้าเปื่อย
- ซากสัตว์กีบคู่
- ตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ เป็นต้นไปต้องเป็นซากสัตว์ที่ถอดกระดูกแล้ว (Deboned meat) และได้จากสัตว์ที่ผ่านการตรวจซีรั่มไม่พบการติดเชื้อโรคปากและเท้าเปื่อย
(๒) การนำเข้าสัตว์กีบคู่จากประเทศกัมพูชาในช่องทางที่ติดต่อกับเขตกันชน ให้ปฏิบัติตามระเบียบกรมปสุสัตว์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะประเด็น ดังนี้
- สัตว์นั้นต้องมีหลักฐานไม่พบการติดเชื้อโรคปากและเท้าเปื่อย โดยการตรวจซีรั่ม
- สัตว์นั้นต้องมีภูมิคุ้มกันโรคปากและเท้าเปื่อยในระดับที่สามารถป้องกันโรคได้ทั้ง ๓ ไทป์
(๓) พัฒนาปรับปรุงด่านกักกันสัตว์
- เพิ่มประสิทธิภาพจุดตรวจสัตว์ตลอดแนวระหว่างเขตควบคุมโรคกับเขตกันชนและระหว่างเขตกันชนกับเขตปกติ
- เพิ่มอัตรากำลังสารวัตรกรมปศุสัตว์ให้เพียงพอ
- สนับสนุนเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและความมั่นคง และศุลกากรในการปฏิบัติงานปราบปราม
- จัดหายานพาหนะและป้อมจุดตรวจสัตว์ให้เพียงพอ รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ในการตั้งจุดตรวจ
- เพิ่มประสิทธิภาพการกักตรวจสัตว์
- พัฒนาปรับปรุงสถานที่กักตรวจสัตว์ให้พร้อมรองรับสัตว์ที่จะนำเข้าในเขตกันชน หรือเขตควบคุมโรค
- จัดระบบการกักกัน และตรวจสัตว์ระหว่างกักให้เป็นไปตามหลักวิชาการ
๕.๗ การควบคุมโรค
(๑) การซ้อมแผนเผชิญเหตุอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง
(๒) พัฒนาปรับปรุงระบบรายงานโรค และเก็บตัวอย่างให้รวดเร็ว ถูกต้อง
(๓) ควบคุมเคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์ รวมทั้งพาหะของโรค โดยรอบจุดเกิดโรคอย่างเข้มงวด ในรัศมี ๕ กิโลเมตร และ ๑๐ กิโลเมตร
(๔) สอบสวนโรค โดยใช้หลักระบาดวิทยา และสอบหาข้อมูลหลักฐาน เพื่อสรุปวิเคราะห์สาเหตุการเกิดโรคได้ถูกต้อง
(๕) ทำลายสัตว์
- ทำลายสัตว์ป่วยและสัตว์ที่สัมผัสสัตว์ป่วยทั้งหมด โดยไม่มีการกักรักษา ทั้งในเขตกันชนและเขตปลอดโรค
- จัดหาค่าชดใช้ให้เพียงพอ โดยชดใช้ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
- พัฒนาปรับปรุงวิธีการทำลายให้ถูกสุขลักษณะ ตามระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ
(๖) ทำลายเชื้อโรคให้ทั่วถึง
(๗) สร้างภูมิคุ้มกันเร่งด่วน
ฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อยในลักษณะวงแหวน (Ring Vaccination) ให้สัตว์กีบคู่ในรัศมี ๕ กิโลเมตร จากจุดเกิดโรคหรือสามารถขยายหรือลดรัศมีการฉีดวัคซีนได้ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค โดยหลีกเลี่ยงการใช้วัคซีนขวดเดียวกัน รวมทั้งอุปกรณ์ฉีดวัคซีนในสัตว์ต่างฝูงกัน และต้องป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากคน ยานพาหนะ และอุปกรณ์
(๘) เฝ้าระวังการแพร่กระจายของโรคทั้งทางอาการและทางห้องปฏิบัติการ
(๙) การเตือนภัยให้เกษตรกรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อป้องกันตนเอง
(๑๐) การพัฒนาห้องควบคุมโรค (War room) ให้มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานบริหารจัดการวางแผนควบคุมสั่งการให้การป้องกัน ควบคุม กำจัดโรคมีประสิทธิภาพ
- ห้องควบคุมโรคประจำส่วนกลาง
- ห้องควบคุมโรคประจำสำนักสุขศาสตร์สัตว์และสุขอนามัยที่ ๒
- ห้องควบคุมโรคประจำจังหวัด
(๑๑) สาเหตุให้เกิดหรือแพร่กระจายโรค
(๑๒) พัฒนาชุดเฉพาะกิจควบคุมโรคประจำสำนักสุขศาสตร์สัตว์และสุขอนามัยที่ ๒ ให้มีความพร้อมที่จะปฏิบัติงานตลอดเวลา (Task Force Unit )
๕.๘ การประชาสัมพันธ์และเตือนภัย
(๑) ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ผู้ประกอบการค้าสัตว์และประชาชนทั่วไปได้มีความรู้เกี่ยวกับโรคปากและเท้าเปื่อย วิธีการแพร่ระบาดของโรค วิธีการควบคุมและป้องกันโรค และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโรคปากและเท้าเปื่อย นอกจากนี้ควรมีการประชาสัมพันธ์ให้เข้าใจถึงการดำเนินงานกำจัดโรคปากและเท้าเปื่อยของกรมปศุสัตว์ รวมถึงข้อกำหนดและระเบียบของกรมปศุสัตว์ในการเคลื่อนย้ายสัตว์เข้าภาคตะวันออก และผลประโยชน์ที่จะได้รับต่อตนเองและประเทศชาติโดยส่วนรวม เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการดำเนินงานต่อไป วิธีการดำเนินการประชาสัมพันธ์นั้นให้ใช้สื่อวิทยุ โทรทัศน์ โสตทัศนูปกรณ์ และสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ซึ่งจะเน้นใช้สื่อเหล่านี้ไปยังกลุ่มบุคคลเป้าหมายตามวัฒนธรรมท้องถิ่นและดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง
(๒) จัดให้มีการประชุมสัมมนาระหว่างหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานกำจัดโรคปากและเท้าเปื่อย ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี บริษัทที่ประกอบธุรกิจเลี้ยงสัตว์และค้าสัตว์ สถานีโทรทัศน์และวิทยุต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงการดำเนินงานไปในทางเดียวกันและมีการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพ
(๓) ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนสนใจที่จะบริโภคเนื้อสัตว์ที่ถูกสุขลักษณะ เพื่อลดปัญหาการแพร่โรคที่เกิดจากระบบการเลี้ยงและโรงฆ่าสัตว์ที่ถูกสุขลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาดสัตว์หรือโรคสัตว์สู่คน (Zoonosis)
๕.๙ ความร่วมมือระหว่างประเทศ
(๑) จัดสร้างความร่วมมือทางวิชาการโดยมีการประสานงานและขอความสนับสนุนจาก FAO/APHCA/RCU และ OIE โดยประเทศไทยจะช่วยเหลือทางด้านวิชาการของโรคปากและเท้าเปื่อย เช่น ด้านการตรวจวินิจฉัย ด้านการผลิตวัคซีน การศึกษาทางระบาดวิทยา การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ เป็นต้น
(๒) สนับสนุนด้านวัคซีนให้แก่กัมพูชา เพื่อใช้กับสัตว์ในพื้นที่ชายแดนติดต่อกับภาคตะวันออกเพื่อเป็น Buffer zone ให้กับเขตปลอดโรค
(๓) ทำความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับการควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์
(๔) สนับสนุนให้ประเทศกัมพูชาจัดทำแผนการป้องกันและกำจัดโรคปากและเท้าเปื่อยในประเทศกัมพูชา
(๕) จัดทำโครงการร่วมมือในการทำ Sero-surveillance บริเวณชายแดนกัมพูชาที่ติดต่อกับภาคตะวันออกของประเทศไทย
(๖) การเสนอขอรับรองเป็นเขตปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย จาก OIE
- มีแนวกันชน (Buffer Zone) กั้นระหว่างเขตปลอดโรคกับเขตปกติ
- มีการรายงานภาวะโรคต่อ OIE อย่างสม่ำเสมอ
- ไม่มีการระบาดของโรคในช่วง ๒ ปี ก่อนยื่นขอรับรอง
- มีหลักฐานทางซีรั่มไม่พบเชื้อ FMDV ในช่วง ๑ ปีก่อนยื่นขอรับรอง
- มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อยให้กับสัตว์กีบคู่ในพื้นที่เป็นประจำ โดยวัคซีนต้องมีมาตรฐานที่ OIE. กำหนด
- มีระบบควบคุมเคลื่อนย้ายสัตว์ที่ไวต่อการติดต่อโรคปากและเท้าเปื่อยเข้าพื้นที่ปลอดโรคอย่างเข้มงวด
๕.๑๐ การรับรองฟาร์มปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย
(๑) ฟาร์มต้องผ่านมาตรฐานฟาร์มของกรมปศุสัตว์
(๒) สัตว์ในฟาร์มต้องมีระบบการบันทึกข้อมูลเป็นรายตัวหรือรายฝูง
(๓) มีระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพตามหลักวิชาการ เมื่อเกิดโรคระบาดในฟาร์ม
(๔) มีการตรวจซีรั่ม
- หลักฐานแสดงการไม่มีเชื้อโรคในฟาร์ม
- หลักฐานแสดงระดับภูมิคุ้มกันโรค
(๕) สัตว์ที่จะนำเข้าฟาร์มต้องมีสถานะด้านสุขภาพสัตว์เดียวกันหรือสูงกว่าในฟาร์ม
(๖) พื้นที่โดยรอบฟาร์มในรัศมีไม่ต่ำกว่า ๑๐ กิโลเมตร ต้องมีการควบคุม ตรวจสอบการเคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์ การเฝ้าระวังโรคอย่างเข้มงวด รวมทั้งการตรวจซีรั่มสัตว์เช่นเดียวกับในฟาร์ม
๕.๑๑ การพัฒนาโรงฆ่าสัตว์กีบคู่
(๑) สนับสนุนเงินทุนพัฒนาโรงฆ่าให้ได้มาตรฐานตามที่กรมปศุสัตว์กำหนด
(๒) พัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับ
(๓) จัดระบบให้โรงฆ่าสัตว์รับเฉพาะสัตว์ที่มาจากฟาร์มมาตรฐาน หรือให้มีระบบกีดกันสัตว์ที่เลี้ยงไม่ได้มาตรฐาน
๕.๑๒ การพัฒนาปรับปรุงการเลี้ยงสัตว์รายย่อย (Backyard)
(๑) สนับสนุนช่วยเหลือให้มีการเลี้ยงภายใต้ระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ
(๒) ส่งเสริมการรวมกลุ่มของผู้เลี้ยงรายย่อย
(๓) ส่งเสริมให้ผู้เลี้ยงรายใหญ่มีบทบาทในการดูแลสนับสนุนช่วยเหลือผู้เลี้ยงรายย่อย
๕.๑๓ การพัฒนาปรับปรุงผู้ประกอบการรับซื้อสัตว์และขนส่งสัตว์กีบคู่
(๑) ขึ้นทะเบียนผู้รับซื้อสัตว์
(๒) ฝึกอบรมและสร้างแรงจูงใจให้สามารถเป็นเครือข่ายในการเฝ้าระวังโรค
(๓) ปรับปรุงยานพาหนะบรรทุกสัตว์ รวมทั้งระบบการขนส่งสัตว์ให้เหมาะสมไม่เป็นการทารุณสัตว์
(๔) ปรับปรุงสถานที่แปรรูปสัตว์ตายให้ถูกสุขลักษณะภายใต้ระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ
๕.๑๔ ส่งเสริมการเลี้ยงโค กระบือ แพะ แกะให้เพียงพอ
เพิ่มปริมาณแม่โค กระบือ แพะ แกะ ให้มากพอที่จะผลิตลูกให้เพียงพอสำหรับบริโภคภายในเขตปลอดโรคและเขตกันชน โดยมิต้องนำเข้ามาจากพื้นที่อื่นนอกเขตกันชน
๕.๑๕ การเจรจาเปิดตลาดการค้าสัตว์และซากสัตว์
(๑) จัดตั้งคณะเจรจาประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
(๒) เตรียมความพร้อมในทุกด้านให้กับคณะเจรจา
๕.๑๖ การติดตามประเมินผล
(๑) จัดตั้งคณะทำงานติดตามประเมินผล โดยมีภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมเป็นคณะทำงานด้วย
(๒) ประเมินผลการดำเนินงานอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง
๖. ตัวชี้วัดความสำเร็จ
(๑) จำนวนฟาร์มสุกรมาตรฐานได้รับการรับรองฟาร์มปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย ไม่น้อยกว่า ๕% ของจำนวนฟาร์มสุกรมาตรฐานทั้งหมด ต่อปี
(๒) ส่งออกสัตว์หรือผลิตภัณฑ์ของสัตว์ประเภทโค กระบือ สุกร แพะ แกะ ไปจำหน่ายต่างประเทศ ได้มูลค่าเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า ๕% ต่อปี
๗. หน่วยงานที่รับผิดชอบ
กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
๘. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
๘.๑ สามารถส่งออกเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ไปยังต่างประเทศตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ คิดเป็นมูลค่าเริ่มต้นกว่าหมื่นล้านบาทต่อปี
๘.๒ ลดค่าใช้จ่ายด้านการควบคุมป้องกันกำจัดโรคปากและเท้าเปื่อยในภาคตะวันออกของประเทศ เช่น ค่าวัคซีน ค่ารักษาพยาบาล คิดเป็นมูลค่าปีละประมาณ ๓๐ ล้านบาท
๘.๓ ลดความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจ กรณีผลผลิตด้านปศุสัตว์ลดลง จากการเกิดโรคระบาด
๘.๔ ส่งเสริมให้มีการพัฒนาการเลี้ยงปศุสัตว์ และสามารถยึดอาชีพการเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพหลักที่มั่นคงได้
๘.๕ เป็นแนวทางในการที่จะกำจัดโรคระบาดในปศุสัตว์ที่สำคัญชนิดอื่นต่อไปในอนาคต
ยินดีต้อนรับสู่ สมาคมผู้เลี้ยงแพะ-แกะแห่งประเทศไทย (http://www.thaigoatsheep.com/) | Powered by Discuz! X2 |