- โทรศัพท์มือถือ
- 0816878607
- แต้ม
- 11392
- สะสม
- 1596
- สมัครสมาชิกเมื่อ
- 10-2-2012
- เข้าสู่ระบบล่าสุด
- 3-6-2024
- G.S.A.
- 0001
- จังหวัด
- ฉะเชิงเทรา
- กระทู้
- 103
- โพสต์
- 3524
|
ตอบคุณนัดนะครับ
1.แพะสามารถกินกระถินได้ดีแต่แพะที่ไม่เคยกินมาก่อนควรให้กินแต่น้อยไปก่อนจนถึงให้กินกระถินเพียงอย่างเดียวก็ได้และไม่ควรตัดกระถินอ่อนให้กินในปริมาณมากๆเพราะใบกระถินอ่อนจะมีสารพิษ Mimosine ( ไมโมซีน / มิโมซีน )ที่มากกว่าใบแก่
2.หญ้าสดถ้าไม่เป็นหญ้าที่ชุ่มน้ำให้กินได้เต็มที่เลยครับการเปลี่ยนหญ้าบางกระถินบ้างไม่เป็นอะไรครับก็เหมือนคนกินข้าวบ้างกินก๋วยเตี๋ยวบ้างล่ะครับ แต่ถ้าให้เป็นเวลาจะดีมากๆครับร่างกายของสัตว์จะได้รับรู้ระบบย่อยด้วยก็เหมือนวัวล่ะครับ
3.อาหารข้นใช้ของวัวก็ได้แต่ขอเป็นวัวนมแต่ถ้าหาซื้ออาหารแพะได้ก็จะดีแต่แพงกว่าวัวนมเกือบร้อยบาทสาเหตุต้องเป็นวัวนมและอาหารแพะโดยตรงคือหลีกเลี่ยง"ยูเรีย"ครับไม่ดีต่อระบบสืบพันธุ์(แต่เดี๋ยวนี้มียูเรียเพื่มโปรตีนของสัตว์ผสมน้ำให้กินได้เลยครับ)
4.โปรตีนที่ใช้โดยทั่วไปอยู่ที่16%โปรตีนครับสำหรับแม่พันธุ์ แต่แพะขุนส่วนใหญ่จะใช้แค่14%โปรตีนครับ
มิโมซีนในกระถิน รวบรวมข้อมูลจากบทความต่างๆสารพิษ Mimosine ( ไมโมซีน / มิโมซีน ) ในกระถินMimosine เป็นสารพิษที่พบในกระถินทุกพันธุ์ โดยพบสารพิษชนิดนี้เป็นปริมาณมากในใบอ่อน และเมล็ดกระถิน นอกจากนั้น ยังพบสารพิษมิโมซีนในพืชตระกูลใกล้เคียงกับกระถิน เช่น ไมยราบพื้นเมือง เป็นต้น
มิโมซีน เป็นพิษต่อสัตว์กระเพาะเดี่ยว เช่น ไก่เป็ด ห่าน สุกร ม้า กระต่าย และเป็นพิษต่อสัตว์เคี้ยวเอื้องทุกชนิด เช่นโค กระบือ แพะ แกะ อย่างไรก็ตามสัตว์เคี้ยวเอื้องและสัตว์ที่มีขนาดตัวโตจะแสดงอาการแพ้สารพิษน้อยกว่าสัตว์ขนาดเล็ก เมื่อสัตว์กินพืชอาหารสัตว์ที่มีมิโมซีนปริมาณมาก สารมิโมซีนจะทำให้การย่อยอาหารของสัตว์ผิดปกติ สัตว์มักจะมีต่อมไทรอยด์โต เป็นคอหอยพอกและอาจจะตายได้ สัตว์ที่โตแล้วหากงดอาหารที่มีสารมิโมซีน สัตว์จะค่อย ๆ หายเป็นปกติ
กระถินแต่ละพันธุ์มีปริมาณสารมิโมซีนไม่เท่ากัน บางชนิดใช้เลี้ยงสัตว์ได้โดยไม่เป็นอันตราย ข้อสำคัญคือต้องจำกัดปริมาณ โดยไม่ให้สัตว์ได้รับสารพิษปริมาณมาก ๆ ติดต่อกัน การใช้กระถินเลี้ยงสัตว์นั้น ควรจำกัดปริมาณดังนี้
- อาหารสุกร ใช้กระถินไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์
- อาหารสัตว์ปีก ใช้กระถินไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์
- อาหารโค-กระบือ ใช้กระถินไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์
การลดปริมาณสารพิษมิโมซีนก่อนนำมาเลี้ยงสัตว์ ทำได้หลายวิธีคือ
1. ตากใบกระถินเป็นเวลา 1 - 3 วัน ลดปริมาณสารมิโมซีนได้ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์
2. นำใบกระถินไปนึ่ง 1 - 3 ชั่วโมง ลดปริมาณสารมิโมซีนได้ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์
3. นำใบกระถินไปแช่น้ำ 24 ชั่วโมง ลดปริมาณสารมิโมซีนได้ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์
4. เพิ่มฟอสเฟตในสูตรอาหารสัตว์ ทำให้พิษของมิโมซีนลดลง
ข้อมูลจาก......เอกสารคำแนะนำเรื่อง สารพิษในพืชอาหารสัตว์ กลุ่มงานวิเคราะห์อาหารสัตว์ กองอาหารสัตว์ กรมปศุสัตว์ ปี พ.ศ. 2538
Mimosine ( มิโมซีน / ไมโมซีน ) ความเป็นพิษของมิโมซีนเกิดขึ้น เนื่องจากจะไปยับยั้งการสร้างฮอร์โมนไทร๊อกซีน (Thyroxine) ทำให้ต่อมไทรอยด์ขยายใหญ่ เกิดเป็นโรคคอหอยพอก
พืชอาหารสัตว์ที่พบสารมิโมซีนสูง ได้แก่ กระถิน (Leucaena spp.) ทุกพันธุ์ ไมยราบพื้นเมือง (Mimosa pudica) ในกระถินจะพบมิโมซีนมากในใบและเมล็ด โดยพบในใบอ่อนมากกว่าใบแก่สำหรับสัตว์เคี้ยวเอื้องสามารถใช้ใบกระถินได้ถึง 50 เปอร์เซนต์ ของอาหารสัตว์สุกร ในอาหารสัตว์ปีกไม่ควรเกิน 5 เปอร์เซนต์ ในอาหารสุกรไม่ควรเกิน 10 เปอร์เซนต์ และอาหารโคไม่ควรเกิน 50 เปอร์เซนต์
อาการของสัตว์มี่เกิดจากสารพิษมิโมซีน ในสัตว์เคี้ยวเอื้องมิโมซีนมีผลทำให้ประสิทธิภาพการย่อยเยื่อใยของแบคทีเรียในกระเพาะรูเมนลดลงทำให้สัตว์เจริญเติบโตช้า ส่วนในสัตว์กระเพาะเดี่ยว เช่น ม้า สุกร เป็ด ไก่ กระต่าย จะมีอาการขนร่วง ทั้งนี้เพราะมิโมซีนไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์บางตัวจึงเป็นสาเหตุทำให้ขนร่วง
ข้อมูลจาก......เอกสารคำแนะนำเรื่อง สารพิษในพืชอาหารสัตว์ หมวดความรู้ด้านอาหารสัตว์ ในเวบไซต์กรมปศุสัตว์
พิษของมิโมซินกับพืชอาหารสัตว์
การผลิตสัตว์ให้ได้คุณภาพที่ดีนั้น ปัจจัยที่สําคัญมีหลายอย่างคือทั้งพันธุ์สัตว์ และอาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์ เมื่อ สัตว์ได้รับอาหารที่มีคุณภาพดี ก็จะทําให้สัตว์มีสุขภาพดี และให้ผลผลิตสูง แต่ถ้าสัตว์ได้รับอาหารที่มีคุณภาพต่ำ ก็จะ ส่งผลถึงปัญหาด้านสุขภาพ ทําให้ได้ผลผลิตต่ำ และยังเป็นการเพิ่มต้นทุนในการผลิตอีกด้วย พืชอาหารสัตว์บางชนิด ถึงแม้จะมีคุณค่าทางโภชนะสูง แต่มีขีดจํากัดในการนํามาใช้ประโยชน์ เนื่องจากพืชเหล่านี้มีสารพิษสะสมอยู่ เช่นมี สารมิโมซินในกระถิน สารไนเตรท ไนไตรท์ ในผักโขม เป็นต้น(กอบแก้ว,2535)
มิโมซิน เป็นสารพิษที่เกิดในธรรมชาติ เป็นสารพิษพวกกรดอะมิโนที่อยู่เป็นอิสระ ไม่ได้รวมอยู่กับ คาร์โบไฮเดรต หรือไม่ได้รวมกันเป็นโปรตีน สังเคราะห์ได้จากกรดอะมิโนไลซิน มิโมซินมีชื่อทางเคมี B-(N-(3- hydroxy-4-oxopyridyl) amino propionic acid) มิโมซินจะสลายตัวไปเป็น 3,4-dihydroxyl pyridine หรือ DHP กับเซรีน หรือกรดไพรูวิค และแอมโมเนีย มิโมซินจะถูกย่อยสลายได้ด้วยกรดเกลือเจือจาง พบมากในกระถิน ทุกสายพันธุ์ โดยพบสารพิษชนิดนี้เป็นปริมาณมากในใบและเมล็ด ซึ่งใบอ่อนจะมีมิโมซินมากกว่าใบแก่ นอกจากนี้ ยัง พบสารพิษมิโมซินในพืชตระกูลใกล้เคียงกับกระถิน เช่น ไมยราบพื้นเมือง เป็นต้น
ความเป็นพิษของมิโมซิน
มิโมซินจะมีผลทั้งสัตว์กระเพาะเดี่ยวเช่น ไก่ เป็ด สุกร ม้า กระต่าย และสัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ สําหรับสัตว์เคี้ยวเอื้อง ภายในกระเพาะรูเมนมีแบคทีเรียที่สามารถเปลี่ยนมิโมซินให้เป็น DHP ซึ่งเมื่อถูกดูดซึม เข้าสู่กระแสเลือดจะมีผลต่อต่อมไทรอยต์ทําให้การผลิตฮอร์โมนไทรอกซิน(Thyroxine)น้อยลง เป็นผลให้ต่อมไท รอยต์ขยายตัว ทําให้เกิดโรคคอหอยพอก นอกจากนี้ในสัตว์เคี้ยวเอื้อง มิโมซินยังส่งผลทําให้ประสิทธิภาพการย่อยเยื่อ ใยของแบคทีเรียในกระเพาะรูเมนลดน้อยลง ทําให้สัตว์เจริญเติบโตช้า สําหรับสัตว์กระเพาะเดี่ยว พบว่าจะมีอาการ ขนร่วง ทั้งนี้เพราะมิโมซินไปยับยั้งการทํางานของเอนไซม์บางตัวจึงเป็นสาเหตุทําให้ขนร่วง แต่สัตว์ที่แสดงอาการ เป็นพิษของมิโมซินจะไม่ตาย และหากมีการงดอาหารที่มีมิโมซิน อาการเป็นพิษก็จะจางหายไปเอง แต่ในสัตว์แรกเกิด ถ้าได้รับสารนี้มากเกินไปอาจตายได้ ดังนั้นอาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์ทั่วๆไป เช่นอาหารสุกร โค กระบือ แพะ แกะ หรือไก่ การใช้กระถินเป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์ควรมีปริมาณที่จํากัด
การลดปริมาณมิโมซินในใบกระถินก่อนนํามาเลี้ยงสัตว์ เช่น
1. การตากใบกระถิน 1-3 วัน จะทําให้ลดปริมาณมิโมซินลงประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์
2. การนึ่งใบกระถิน 1-3 ชั่วโมงจะทําให้ลดปริมาณมิโมซินลงประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์
3. นําใบกระถินแช่น้ำ 24 ชั่วโมง จะทําให้ลดปริมาณมิโมซินลงประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์
4. การเพิ่มเฟอรัสซัลเฟตในสูตรอาหารที่มีใบกระถินเป็นส่วนประกอบ จะทําให้ลดปริมาณมิโมซินลงได้ โดยสาร มิโมซิน สามารถรวมตัวกับธาตุเหล็กใน gastrointestinal tract
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับปริมาณสารพิษ ความรุนแรง และอันตรายที่จะเกิดกับสัตว์ ได้แก่
1. ชนิดของพืชอาหารสัตว์ พบว่าพืชอาหารสัตว์บางชนิดมีสารพิษที่เป็นอันตรายกับสัตว์ไม่ควรนํามาเลี้ยงสัตว์ พืชอาหารสัตว์ชนิดเดียวกันแต่มีประมาณสารพิษแตกต่างกัน
2. อายุของพืชอาหารสัตว์ พบว่าพืชส่วนใหญ่จะมีปริมาณสารพิษมากในระยะต้นอ่อน หรือระยะที่กําลัง เจริญเติบโต แต่เมื่อโตเต็มที่แล้วปริมาณสารพิษจะลดลง
3. การให้ปุ๋ยพืชอาหารสัตว์ พบว่าพืชชนิดเดียวกันถ้ามีการใช้ปุ๋ยเพื่อเร่งการเจริญเติบโตให้พืชโตเร็ว มักมี ปริมาณสารพิษมากขึ้นด้วย
4. วิธีการนําพืชอาหารสัตว์มาเลี้ยง การนําพืชสดมาเลี้ยงสัตว์ มีความเสี่ยงต่อสารพิษค่อนข้างมาก เนื่องจากพืช สดมีปริมาณสารพิษมากกว่าพืชที่ผ่านกรรมวิธีต่างๆเช่น การตากแห้ง การแช่น้ำ
5. ปริมาณที่สัตว์กิน ถ้าสัตว์กินพืชอาหารสัตว์ที่มีสารพิษในปริมาณมากๆจะทําให้สัตว์ได้รับสารพิษเข้าสู่ ร่างกายมาก แต่ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของสัตว์ด้วย เช่นในพืชที่มีสารพิษสูงๆ ถ้าสัตว์ที่มีน้ำหนักตัวมากกินใน ปริมาณน้อยๆก็ไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าพืชบางชนิดมีปริมาณสารพิษน้อย แต่สัตว์กินเข้าไปในปริมาณมากก็ อาจเป็นพิษกับสัตว์ได้
ข้อมูลจาก......เอกสารเรื่องพิษของมิโมซินกับพืชอาหารสัตว โดย จุรีรัตน์ เงินแดง และ สุพิดา วัฒนนาวิน
ปล.ที่ฟาร์มผม99%แพะกินกระถินโม่ครับแกะปล่อยแปลงหญ้ายังได้กินหญ้าเป็นส่วนใหญ่ครับ |
|